ข้อมูลรั่วไหล 16 พันล้านรายการ บล็อกเชนอาจเป็นคำตอบ

แฮ็กเกอร์ได้ปล่อยข้อมูลการเข้าสู่ระบบกว่า 16 พันล้านรายการ ซึ่งถือเป็นหนึ่ีใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยข้อมูลนี้รวมถึงชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านจากแพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่อย่าง Apple, Google, Facebook และ Telegram

ผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ทำให้ผู้ใช้นับล้านเสี่ยงต่อการถูกโจมตีทางไซเบอร์ เช่น phishing, identity theft และ account takeovers

🌍 บทบาทของบล็อกเชน

ผู้เชี่ยวชาญมองว่า บล็อกเชนคือทางออกสำหรับปัญหาความปลอดภัยด้านข้อมูลในอนาคต โดยเฉพาะเมื่อเทคโนโลยี AI กำลังพัฒนาจนสามารถทำให้การแฮกและการขโมยข้อมูลเกิดขึ้นได้ง่ายขึ้น

โครงสร้างแบบกระจายศูนย์ (decentralized) ของบล็อกเชนช่วยลดจุดอ่อนของการถูกโจมตี เพราะไม่มีเซิร์ฟเวอร์กลางที่เป็นเป้าหมายเดียวของแฮ็กเกอร์

🔐 ประโยชน์ของ Web3

Web3 และบล็อกเชนมาพร้อมแนวคิดใหม่ที่เปลี่ยนเกมไปเลย คือ “ผู้ใช้เป็นเจ้าของข้อมูลของตนเอง” พวกเขาสามารถควบคุม จัดการ และแม้กระทั่งขายข้อมูลให้กับผู้โฆษณาได้โดยตรง หากต้องการ

ข้อมูลจะถูกเข้ารหัสและจัดเก็บบนเครือข่ายบล็อกเชน ซึ่งเพิ่มระดับความปลอดภัยและสอดคล้องกับเทรนด์โลกดิจิทัลในยุค Digital Identity และ Data Sovereignty

🚧 ความท้าทายที่ยังคงอยู่

แม้แต่ Telegram ที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน ก็ยังไม่ได้เข้ารหัสข้อมูลการเข้าสู่ระบบบนเครือข่ายบล็อกเชน เนื่องจากผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังไม่คุ้นเคยกับการใช้งานกระเป๋าเงินดิจิทัล (wallet) อย่างถูกต้อง

โครงสร้างพื้นฐานของระบบนี้ยังต้องการการพัฒนาเพิ่มเติม เพื่อให้ใช้งานได้ง่ายและปลอดภัยมากขึ้น

อดีต CEO ของ Binance เสนอเคล็ดลับในการป้องกันตัวเอง เช่น การใช้รหัสผ่านและอีเมลที่แตกต่างกันในแต่ละแพลตฟอร์ม รวมถึง Two-Factor Authentication แบบฮาร์ดแวร์ แต่ย้ำว่า ทางแก้ไขระยะยาวคือการย้ายไปใช้ระบบบนบล็อกเชน

Coin101 #Blockchain #DataBreach #CyberSecurity #Web3 #DigitalIdentity