ศาลล้มละลายเดลาแวร์กลายเป็นสนามต่อสู้ทางกฎหมายระหว่างสองยักษ์ใหญ่ในวงการคริปโต โดย Binance เป็นฝ่ายท้าทายคำฟ้องจาก FTX และเรียกร้องให้ศาลพิจารณาใหม่ว่า บริษัทไม่ใช่ผู้รับผิดชอบต่อความล่มสลายของ FTX

⚖️ Binance ชี้ FTX เบี่ยงเบนความผิด
Binance ระบุว่า FTX พยายามโยนความผิดให้ผู้อื่น เพื่อหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบจากข้อผิดพลาดและการทุจริตภายในที่เกิดขึ้น ซึ่งนำโดย Sam Bankman-Fried (SBF) อดีต CEO ที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดหลายกระทง

เอกสารที่ยื่นเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม แสดงให้เห็นว่า Binance เชื่อมั่นว่า FTX กำลังพยายามปกปิดข้อบกพร่องในการบริหารจัดการภายในและกรณีการฉวยทรัพย์สินของลูกค้า

💬 ทวีตของ CZ กับผลกระทบมหาศาล
FTX กล่าวหาว่าทวีตของ Changpeng Zhao (CZ) ในปลายปี 2022 กระตุ้นให้เกิดการถอนเงินแบบท่วมท้น หรือ Mass Withdrawal จนนำไปสู่ความล่มสลาย

Binance โต้กลับว่า การตัดสินใจขายเหรียญ FTT ของ CZ มาจากการตรวจสอบข้อมูลสาธารณะ หลังบทความจาก Coindesk ในเดือนพฤศจิกายน 2022 เปิดโปงงบดุลที่ไม่โปร่งใสของ Alameda Research

🌐 ปมเขตอำนาจศาลและความน่าเชื่อถือของคำให้การ
Binance ยังตั้งคำถามถึงเขตอำนาจศาล โดยชี้ว่าบริษัทสาขาที่ถูกฟ้องไม่ได้มีฐานอยู่ในสหรัฐฯ จึงไม่น่าจะอยู่ภายใต้การพิจารณาของศาลล้มละลายสหรัฐฯ

นอกจากนี้ Binance ยังตั้งข้อสงสัยต่อการอ้างอิงคำพูดของ SBF ซึ่งเป็นผู้ถูกตัดสินว่ามีความผิดแล้ว ว่าอาจขาดความน่าเชื่อถือ

💸 FTX เริ่มแจกจ่ายหนี้รอบสอง
แม้อยู่ในกระบวนการฟื้นฟูมานานกว่า 2 ปี FTX ก็เตรียมจ่ายเงินคืนให้เจ้าหนี้รอบที่สอง มูลค่ากว่า 5 พันล้านดอลลาร์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคม ผ่านแพลตฟอร์มอย่าง BitGo และ Kraken

แผนฟื้นฟูแบ่งเจ้าหนี้ออกเป็น 5 กลุ่ม โดยคาดว่าแต่ละกลุ่มจะได้รับเงินคืนระหว่าง 54% ถึง 120% ส่วนมูลค่ารวมของการจ่ายหนี้อาจสูงถึง 16 พันล้านดอลลาร์ ขึ้นอยู่กับจำนวนคำร้องที่ได้รับการตรวจสอบ

🔍 ประเด็นสำคัญที่ต้องจับตา
ผลการตัดสินคดีระหว่าง Binance และ FTX จะส่งผลต่อแนวทางปฏิบัติทางกฎหมายของแพลตฟอร์มคริปโตทั่วโลก โดยเฉพาะการกำหนดขอบเขตความรับผิดชอบในกรณีที่แพลตฟอร์มหนึ่งล่ม

หาก Binance ชนะคดี อาจสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้แพลตฟอร์มสามารถปฏิเสธความรับผิดได้ หากไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง