ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 45 โดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาเตือนบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างวอลมาร์ทผ่านโซเชียลมีเดียว่า ห้ามใช้เหตุผลของภาษีนำเข้าที่เขาเพิ่มขึ้นเป็นข้ออ้างในการปรับขึ้นราคาสินค้า โดยบอกว่าวอลมาร์ทควรแบกรับต้นทุนเหล่านี้เอง เพื่อรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจภายในประเทศ

💸 สงครามภาษีและความกดดันจากร้านค้าปลีก
หลังจากที่ทรัมป์ประกาศเพิ่มภาษีนำเข้าจากหลายประเทศ โดยเฉพาะจีน วอลมาร์ทเคยออกมากล่าวว่าสินค้าหลากหลายประเภท เช่น กล้วย หรือเบาะคาร์ซีทสำหรับเด็ก อาจต้องปรับราคาขึ้น ส่งผลให้เกิดความไม่พอใจจากอดีตประธานาธิบดีอย่างชัดเจน

ในโพสต์ Truth Social ทรัมป์ระบุว่า “วอลมาร์ทควรหยุดโทษภาษีนำเข้าที่ผมสร้างขึ้นเป็นเหตุผลของการขึ้นราคา พวกเขากำไรพุ่งกระฉูดเมื่อปีที่แล้ว และควรจะแบกรับภาระต้นทุนเหล่านี้ไว้เองโดยไม่เรียกเก็บจากลูกค้า”

📉 ผลกระทบต่อความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ
การเพิ่มภาษีของทรัมป์ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากนักเศรษฐศาสตร์หลายคน โดยมองว่าแทนที่จะทำให้ต่างชาติจ่ายแทน แต่จริงๆ แล้วคือผู้บริโภคชาวอเมริกันที่ต้องแบกรับภาระ ในขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนเมื่อปลายเดือนที่แล้วลดลงมาอยู่ระดับใกล้จุดต่ำสุดในประวัติศาสตร์ มีผู้ตอบแบบสอบถามกว่า 75% พูดถึงผลกระทบจากภาษีนำเข้าโดยตรง

🚗 บริษัทต่าง ๆ กดดันหนัก
วอลมาร์ทไม่ใช่บริษัทเดียวที่เผชิญกับแรงกดดันจากทรัมป์ ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ก็ถูกเตือนไม่ให้ปรับขึ้นราคาแม้ต้นทุนการผลิตจะเพิ่มขึ้นจากการเก็บภาษี นอกจากนี้ รัฐบาลภายใต้การนำของทรัมป์ยังเคยโจมตีบริษัทอย่าง Amazon และ Apple ที่ประสบปัญหาการขนส่งและห่วงโซ่อุปทาน

📌 สถานการณ์ภาษีนำเข้าล่าสุด
แม้รัฐบาลจะลดภาษีนำเข้าจากจีนจาก 145% เหลือ 30% เป็นระยะเวลา 90 วัน แต่ก็ยังคงมีภาษีฐานที่ 10% สำหรับสินค้าส่วนใหญ่จากประเทศอื่น ๆ โดยมีแผนเพิ่มภาษีกับยาเวชภัณฑ์และสินค้าอื่น ๆ อีกในอนาคต

หากกฎหมายนี้ผ่าน จะถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของตลาดคริปโตในสหรัฐฯ ที่อาจนำไปสู่การผลักดันนโยบายด้านสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ๆ ตามมา

Coin101 #ลงทุน #ความเสี่ยง #เศรษฐกิจโลก #Trump #Walmart #ภาษีนำเข้า