มาตรฐาน ISO 20022 กำลังกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของระบบการเงินโลก โดยเริ่มใช้งานอย่างเต็มรูปแบบในสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2025 มาตรฐานนี้ไม่ใช่แค่รูปแบบข้อมูล แต่คือภาษาสากลที่เชื่อมโยงธนาคาร รัฐบาล และระบบการชำระเงินทั่วโลกให้ทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น


ISO 20022 คืออะไร และทำไมถึงสำคัญ

ISO 20022 เป็นมาตรฐานสากลสำหรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลการเงินอิเล็กทรอนิกส์ ช่วยให้สถาบันการเงินสามารถส่งข้อมูลธุรกรรมได้อย่างละเอียด มีโครงสร้าง และปลอดภัยมากขึ้น จุดเด่นคือการสนับสนุนข้อมูลเสริม เช่น ข้อมูล KYC และ AML ซึ่งช่วยเพิ่มความโปร่งใสและลดความเสี่ยงในการฟอกเงิน

มาตรฐานนี้ยังเป็นสะพานเชื่อมระหว่างระบบการเงินแบบดั้งเดิม (TradFi) กับเทคโนโลยีบล็อกเชน ทำให้การชำระเงินข้ามพรมแดนเร็วขึ้น มีต้นทุนต่ำลง และสามารถตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน


8 อัลต์คอยน์ที่ปฏิบัติตาม ISO 20022 พร้อมรับอนาคต

ในหมู่โปรเจกต์คริปโตนับหมื่น มีเพียงไม่กี่ตัวที่ออกแบบมาให้สอดคล้องกับ ISO 20022 อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบเชิงกลยุทธ์สำหรับการยอมรับจากสถาบันการเงิน

  1. Cardano (ADA)
    ใช้โครงสร้าง UTXO ที่เข้ากันได้ดีกับระบบธนาคาร รองรับสัญญาอัจฉริยะและ DApps ช่วยให้สามารถสร้างโซลูชันการเงินที่ปฏิบัติตามกฎระเบียบได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  2. Stellar (XLM)
    เน้นการชำระเงินข้ามพรมแดนด้วยค่าธรรมเนียมต่ำ สนับสนุน stablecoin ที่ได้รับการควบคุม และมีระบบที่รองรับข้อมูล KYC บนเชนโดยตรงผ่าน SEP-9 และ SEP-31
  3. Quant (QNT)
    ขับเคลื่อนด้วย Overledger ซึ่งทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างบล็อกเชนและระบบการเงินแบบดั้งเดิม ช่วยให้สถาบันสามารถสื่อสารข้ามเครือข่ายได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐาน
  4. IOTA (IOTA)
    ออกแบบมาเพื่อ Internet of Things (IoT) โดยใช้โครงสร้าง Tangle (DAG) ที่ไม่ใช่บล็อกเชนแบบดั้งเดิม รองรับการส่งข้อมูลและชำระเงินระหว่างอุปกรณ์ได้แบบเรียลไทม์
  5. Ripple (XRP)
    เป็นผู้บุกเบิกในการรับรอง ISO 20022 ตั้งแต่ปี 2020 ผ่าน RippleNet และ ODL ช่วยให้ธนาคารสามารถทำธุรกรรมข้ามสกุลเงินได้ทันที โดยใช้ XRP เป็นสื่อกลางในการแปลงสกุลเงิน
  6. Hedera (HBAR)
    ใช้เทคโนโลยี Hashgraph ที่เร็ว ปลอดภัย และปรับขนาดได้ดี มีสภาผู้กำกับดูแลจากบริษัทชั้นนำ เช่น Google และ IBM ทำให้มีความน่าเชื่อถือสูงในระดับองค์กร
  7. Algorand (ALGO)
    เน้นการสรุปผลทันที ค่าธรรมเนียมต่ำ และการประหยัดพลังงาน เหมาะสำหรับการใช้งานในระบบการเงินระดับสถาบัน โดยเฉพาะด้าน CBDC และการโทเค็นสินทรัพย์จริง (RWA)
  8. XDC Network (XDC)
    ออกแบบมาเพื่อการเงินการค้า (Trade Finance) รองรับ RWA เช่น พันธบัตรรัฐบาลที่ถูกโทเค็น และมีเครือข่ายย่อยส่วนตัวสำหรับข้อมูลที่ต้องการความลับสูง

ทิศทางของอนาคต

โปรเจกต์ทั้ง 8 นี้ไม่ได้เพียงแค่ตามมาตรฐาน แต่กำลังกำหนดทิศทางของระบบการเงินดิจิทัลในอนาคต การผสาน ISO 20022 เข้ากับบล็อกเชนเปิดโอกาสให้เกิดการชำระเงินที่รวดเร็ว โปร่งใส และเข้าถึงได้ทั่วโลก ขณะเดียวกันก็สร้างความมั่นใจให้กับผู้กำกับดูแลและนักลงทุนสถาบัน