Speed Shift Technology: Kaby Lake มีการปรับปรุงเทคโนโลยี Intel Speed Shift ทำให้ CPU สามารถเปลี่ยนความถี่สัญญาณนาฬิกาได้อย่างรวดเร็วขึ้น ส่งผลให้การตอบสนองของระบบดีขึ้นในงานที่ต้องการการตอบสนองทันที เช่น การเปิดเว็บเพจหรือสลับแอปพลิเคชัน
Thunderbolt 3: Kaby Lake มีการรองรับ Thunderbolt 3 ในระดับที่ปรับปรุงขึ้น
การรองรับระบบปฏิบัติการ: Kaby Lake ถูกออกแบบมาเพื่อทำงานร่วมกับ Windows 10 เป็นหลัก ส่วน Skylake ยังคงรองรับ Windows 7 ได้ดีกว่า (แม้ว่า Microsoft จะยุติการสนับสนุน Windows 7 ไปแล้ว)
5. ความเข้ากันได้ของเมนบอร์ด (Compatibility):
เมนบอร์ดชิปเซ็ตซีรีส์ 100 (เช่น Z170, H170, B150, H110) ที่ออกแบบมาสำหรับ Skylake (Gen 6) สามารถรองรับ Kaby Lake (Gen 7) ได้ โดยส่วนใหญ่จะต้องมีการอัปเดต BIOS ก่อนที่จะติดตั้ง CPU Gen 7
เมนบอร์ดชิปเซ็ตซีรีส์ 200 (เช่น Z270, H270, B250) ที่ออกมาพร้อมกับ Kaby Lake (Gen 7) รองรับทั้ง Skylake และ Kaby Lake โดยไม่จำเป็นต้องอัปเดต BIOS สำหรับ Kaby Lake
ข้อควรระวัง: แม้จะใช้ซ็อกเก็ต LGA1151 เหมือนกัน แต่ Intel ได้เปลี่ยนการกำหนด Pinout เล็กน้อยสำหรับ Gen 8 (Coffee Lake) และ Gen 9 (Coffee Lake Refresh) ที่มาพร้อมกับชิปเซ็ตซีรีส์ 300 (Z370, H370, B360 ฯลฯ) ทำให้ CPU Gen 8/9 ไม่สามารถใช้กับเมนบอร์ดซีรีส์ 100/200 ได้ และ CPU Gen 6/7 ก็ไม่สามารถใช้กับเมนบอร์ดซีรีส์ 300 ได้เช่นกัน นี่คือความสับสนที่พบบ่อยสำหรับซ็อกเก็ต LGA1151 ที่มีสองประเภท (LGA1151 v1 สำหรับ Gen 6/7 และ LGA1151 v2 สำหรับ Gen 8/9)
สรุป: Intel Gen 6 (Skylake) และ Gen 7 (Kaby Lake) เป็น CPU ที่ใช้ซ็อกเก็ต LGA1151 เดียวกัน โดย Kaby Lake เป็นการปรับปรุงประสิทธิภาพและฟีเจอร์ของ Skylake ให้ดีขึ้นเล็กน้อย โดยเฉพาะด้านกราฟิกออนบอร์ดและการรองรับวิดีโอ 4K รวมถึงการปรับปรุงเล็กน้อยในด้านความเร็วสัญญาณนาฬิกาและเทคโนโลยี Speed Shift การอัปเดต BIOS ของเมนบอร์ดซีรีส์ 100 ส่วนใหญ่จะทำให้สามารถรองรับ CPU Gen 7 ได้ อย่างไรก็ตาม ทั้งสองเจนเนอเรชันนี้แตกต่างจาก Gen 8/9 ที่แม้จะใช้ซ็อกเก็ตชื่อเดียวกัน แต่ไม่สามารถใช้เมนบอร์ดร่วมกันได้ครับ