SEO มาจากคำว่า (Google Search Engine Optimization) คือ กระบวนการปรับปรุงเว็บไซต์ของคุณให้ปรากฏในอันดับที่สูงขึ้นในผลการค้นหาของ Google โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย (Organic Search Results)

หลักการทำงานของ Google SEO:
Google ใช้โปรแกรมที่เรียกว่า “Googlebot” หรือ “Spider” ในการรวบรวมข้อมูลและจัดทำดัชนีหน้าเว็บต่างๆ บนอินเทอร์เน็ต เมื่อมีผู้ใช้งานค้นหาข้อมูล Google จะดึงข้อมูลจากดัชนีและแสดงผลลัพธ์ที่เกี่ยวข้องและมีคุณภาพดีที่สุดตามเกณฑ์การจัดอันดับของ Google
เป้าหมายของการทำ Google SEO:
- เพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์แบบ Organic: ดึงดูดผู้ใช้งานที่กำลังค้นหาสิ่งที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณโดยตรง
- เพิ่มการมองเห็นและการรับรู้แบรนด์: ทำให้เว็บไซต์ของคุณเป็นที่รู้จักมากขึ้นในกลุ่มเป้าหมาย
- เพิ่มโอกาสทางธุรกิจ: นำไปสู่การสร้างลูกค้าใหม่, ยอดขายที่เพิ่มขึ้น, หรือเป้าหมายอื่นๆ ทางธุรกิจ
องค์ประกอบหลักของการทำ Google SEO:
การทำ Google SEO ครอบคลุมหลายด้าน แต่หลักๆ สามารถแบ่งออกได้เป็น:
- SEO On-Page: การปรับปรุงองค์ประกอบภายในเว็บไซต์เพื่อให้ Google เข้าใจเนื้อหาและจัดอันดับเว็บไซต์ได้ดีขึ้น เช่น:
- การเลือกใช้ Keyword ที่เหมาะสม: ค้นหาและใช้คำหลักที่กลุ่มเป้าหมายของคุณใช้ในการค้นหา
- การปรับปรุง Title Tag และ Meta Description: สร้างข้อความที่น่าสนใจและเกี่ยวข้องเพื่อดึงดูดให้คนคลิก
- การปรับปรุงเนื้อหา (Content Optimization): สร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพสูง, เป็นประโยชน์, และเกี่ยวข้องกับคำหลัก
- การปรับโครงสร้าง URL: ใช้ URL ที่ชัดเจนและสื่อถึงเนื้อหาของหน้า
- การปรับปรุง Heading Tags (H1, H2, H3,…): จัดเรียงหัวข้อให้เป็นระเบียบและใช้คำหลักที่เกี่ยวข้อง
- การปรับปรุงรูปภาพ (Image Optimization): ใส่ Alt Text ที่สื่อความหมายและใช้ชื่อไฟล์ที่เกี่ยวข้อง
- การปรับปรุง Internal Linking: เชื่อมโยงหน้าต่างๆ ภายในเว็บไซต์
- SEO Off-Page: การสร้างความน่าเชื่อถือและเพิ่มการมองเห็นจากภายนอกเว็บไซต์ เช่น:
- การสร้าง Backlinks: ได้รับลิงก์จากเว็บไซต์ที่มีคุณภาพและเกี่ยวข้อง
- การทำ Social Media Marketing: โปรโมทเนื้อหาบนโซเชียลมีเดีย
- การทำ Brand Mentions: ทำให้แบรนด์ของคุณถูกพูดถึงบนอินเทอร์เน็ต
- การทำ Online PR: สร้างความสัมพันธ์กับสื่อออนไลน์
- Technical SEO: การปรับปรุงโครงสร้างทางเทคนิคของเว็บไซต์เพื่อให้ Googlebot สามารถเข้าถึงและจัดทำดัชนีเว็บไซต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น:
- การปรับปรุงความเร็วเว็บไซต์ (Page Speed Optimization)
- การทำ Mobile-Friendliness (รองรับการใช้งานบนมือถือ)
- การสร้าง Sitemap XML: ช่วยให้ Googlebot ค้นหาหน้าต่างๆ บนเว็บไซต์ได้ง่ายขึ้น
- การจัดการไฟล์ Robots.txt: ควบคุมการเข้าถึงของ Googlebot
- การใช้ HTTPS: สร้างความปลอดภัยให้กับเว็บไซต์
- การแก้ไขข้อผิดพลาด (Crawl Errors)
ความแตกต่างระหว่าง Google SEO กับ Google Ads (SEM):
- Google SEO: เป็นการปรับปรุงเว็บไซต์เพื่อให้ได้อันดับที่ดีในผลการค้นหาแบบไม่เสียค่าใช้จ่าย (Organic) ใช้เวลานานกว่าในการเห็นผลลัพธ์ แต่ให้ผลลัพธ์ที่ยั่งยืนกว่า
- Google Ads (Search Engine Marketing – SEM): เป็นการจ่ายเงินเพื่อให้เว็บไซต์ของคุณปรากฏในตำแหน่งโฆษณาบนหน้าผลการค้นหา เห็นผลลัพธ์ได้รวดเร็ว แต่ต้องมีค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง
สรุป: